April 4, 2009

เอแคลร์






ทําเอแคลร์มาหลายคร้งแล้วค่ะ แต่ยังไม่โดนใจเท่าที่ควรค่ะ จริงๆสูตรที่ใช้เป็นประจําก็เป็นสูตรครูไก่ ยูเอฟเอ็ม ซึ่งก็ดีมากๆเลย สูตรนี้ ไม่เคยทําให้ผิดหวัง ฟูดีค่ะ ไม่เคยมัปํญหาอะไร แต่แป้งไม่บางมาก
วันนี้ลองทําสูตรของคุณจํ้าจี้ดู ได้มาจากบล๊อกคุณยุ้ย ความรัก เมื่อเทียบกันแล้วสูตรคุณจํ้าจี้ฟูสวยมากๆ แล้วก็แป้งบางกว่า แต่ปํญหาคือก้นมันบางไป แล้วก็ติดถาด ตอนเอาออกมาจากถาด ก้นขาดหมดเลย เคยเจอปัญหานี้มาก่อนค่ะ วันที่ตวงแป้งผิดทําแป้งเหลวไป จริงๆอาจเป็นเพราะตอนทีทํา ใส่ไข่ไม่ตรงตามสูตรค่ะ วันนี้ทําสองสูตร ใส่ไข่ไปสามฟองกับไข่ขาวเพิ่มไปด้วย ไม่รู้ว่ามันเหลวไปรึเปล่า ทดสอบไม่เป็น อ่านจาก web ของ ป้าmartha steward เค้าบอกว่าต้องตั้งยอดอ่อนๆ เวลาสัมผัสมัน ไว้พรุ่งนี้จะลองทําดูใหม่ ใส่ไข่ตามสูตรทุกอย่างค่ะ เพราะว่าชอบแป้งสูตรนี้มาก มันบาง ฟู ดีจริงๆ

อันนี้เป็นรูปของแป้งตอนที่ทําอาจจะเหลวไปจริงๆ เคยลองทําวันที่ใส่ไข่น้อยไป แป้งมันจะหนา ถ้าเหลวแป้งมันจะบาง พี่จุ๋มบอกว่าถ้ามันเหลวไป มันจะไม่ฟู แต่วันนี้ที่อบมันก็ฟูสวยมากๆ เลยไม่รู้ว่ามันเหลวไปจริงป่าว



สูตรของครูไก่
1. แป้งเค้กบัวแดง 150 กรัม
2. น้ำ 200 กรัม /1 ถ้วย
3. เนยสด 100 กรัม
4. ไข่ไก่ 250 กรัม /5 ฟอง น่าจะเบอร์ 4

สูตรของคุณ Jumjee
1. นมสด 10 กรัม
2. น้ำมันพืช 57 กรัม
3. น้ำ 55 กรัม
4. แป้งเค้กบัวแดง 50 กรัม
5. ไข่ไก่ 2 ฟอง คุณยุ้ย ความรักให้ใช้เบอร์1

วิธีทําก็ทําเหมือนกันทุกสูตรค่ะ รูปที่ถ่ายวัันนี้เป็นตอนที่ทําสูตรคุณจํ้่าจี้นะคะ

1) เอานํ้ากับเนย (ตามสูตรนี้คือนํ้ามัน) ไปตั้งไฟพอเดือด เดือดแล้วก็ใส่แป้งเลย ไม่งั้นนํ้าระเหยไปหมด นํ้าในแป้งเป็นตัวทีทําให้เอแคลร์พองตัวตอนที่เข้าอบ ถ้านํ้าไม่พอ เอแคลร์ก็ไม่พองตัวเท่าที่ควรค่ะ



2) ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไปทีเดียว แล้วก็รีบคนแป้งให้เข้ากัน คนไปเรื่อยๆจนกระทั่งแป้งร่อน ใช้เวลาแปปเดียวค่ะ จริงๆตอนทําก็แอบตกใจหน่อยๆ เพราะว่ามันดูแฉะกว่าที่เคยทําเยอะเลย แล้วก็ไม่จับตัวเป็นก้อนมากเหมือนกับสูตรครูไก่ แต่ว่าพอใส่ไข่แล้วก็เหมือนกันค่ะ



3) ยกลงจากเตา พออุ่นค่อยๆใส่ไข่ทีละฟอง คนจนเข้ากัน ตอนใส่ไข่ มันจะแยกตัวหน่อยๆ ก็คนไปเรื่อยๆจนเข้ากัน จริงๆตามสูตรครูไก่ เค้าให้เอาแป้งที่กวนแล้วใส่โถตี ใช้หัวใบไม้ ตีไปเรื่อยๆจนกระทั่งแป้งอุ่น เค้าไม่ใส่ไข่ตอนแป้งยังร้อนเพราะว่าไข่จะสุก กลายเป็นลิ่ม แต่ว่าจะไม่รอให้แป้งเย็นไป เพราะว่าแป้งจะรับไข่ได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

ใส่ไข่แล้วหน้าตาเป็นแบบนี้



อบ 20 นาที 10 นาทีแรกใช้ไฟ 200c 10 นาทีหลังใช้ไฟ 175c 18 ค่ะ ในช่วง 10 นาทีแรกแป้งชู จะพองจนถึงขีดสุด แล้วก็จะไม่พองมากไปกว่านี้แล้วค่ะ เราค่อยลดไฟตอนนั้น

พองสวยดีจริงๆ อบเสร็จลูกขนาดใหญ่กว่าลูกปิงปองอีกค่ะ ประมาณ 1.5 เท่าลูกปิงปองได้ ตอนบีบแป้ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งนิ้ว หรือมากกว่านิดหน่อย ตอนที่บีบก็เอาแป้งใส่ถุงพลาสติก ตัดปลายนิดหน่อยแล้วก็บีบออกมา ถาดที่ใช้ก็ทาไขมันหน่อย ถ้าทาน้อยไปตัวชูจะติดเอาออกมาก้นจะขาด ถ้ามากไปตัวชูจะแบน ไม่สวย ถาดไม่ต้องรองกระดาษไขนะคะ







รอให้เย็นสนิทก่อน แล้วค่อยบีบไส้ลงไป ตัวไส้ก็ต้องเย็นสนิทเหมือนกันค่ะ ถ้าทั้งสองอย่างยังไม่เย็นสนิท จะทําเกิดหยดนํ้าภายในตัวขนมแล้วขนมก็จะเสียเร็วค่ะ จริงๆเวลาที่ทําควรจะทําไส้ก่อนนะคะ เพราะว่ามันเย็นช้ามาก

ไส้ใช้สูตรคุณตรี ครัวแม่มิ้นค่ะ
1. แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ 37 กรัม
2. ไข่แดง 4 ฟอง ตอนหลังเวลาทําใช้ไข่ทั้งฟอง 2 ใบแทนค่ะ
3. เนยสดจืด 5 ช้อนโต๊ะ
4. นมผง 1/3 ถ้วย 40 กรัม
5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
6. นมข้นจืด 3/4 ถ้วย ใช้คาร์เนชั่น extra creamyค่ะ สีมันขาวดี
7. น้ำ 1 1/2 ถ้วย
8. pure vanilla extract 1/2 ช้อนชา
9. เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทําตามที่คุณตรีลงไว้
1) ตีไข่กับนํ้าตาลและเกลือจนน้ำตาลทรายละลาย
2) ร่อนแป้งกับนมผงลงไปในไข่แดง ตะล่อมให้ให้กันดีและแป้งไม่เป็นเม็ด
3) ค่อย ๆ ใส่นมข้นจืดที่ผสมน้ำไว้ทีละน้อย ผสมจนส่วนผสมเนียน
4) กรองสักสองรอบ ส่วนผสมจะได้เนียน
5) นำไปกวนจนกระทั่งไส้สุกข้น คุณตรีใช้ double boiler กวนไปเรื่อย ๆ ส่วนผสมจะได้ไม่เป็นก้อน
ุ6) พอส่วนผสมเริ่มข้นดีก็ใส่เนยลงไป กวนให้เข้ากันดี แล้วก็ใส่วนิลา

อันนี้เป็นวิธีของเปิ้ลค่ะ ตามแบบคนขี้เกียจ
1) นมกับนํ้า 1 ถ้วยและไข่รวมกัน ตีไข่ให้แตกเข้ากันดีก่อนนะคะ ใส่นํ้าตาลและเกลือตามลงไป เข้าไมโครเวฟจนร้อนๆ เอาออกมาคนหน่อย
2) ใส่นมผงลงไป คนให้เข้ากันดี
3) เข้าไมโครเวฟต่อไปจนส่วนผสมเดือด คนเป็นระยะก็ดีค่ะ
4) เอาแป้งข้าวโพดใส่นํ้าอีก 1/2 ถ้วยที่เหลือ คนให้เข้ากัน ใส่ลงไปในส่วนผสมนมที่เดือดแล้ว ส่วนผสมจะข้นมาทันที ตอนใส่แป้งลงไปนี่ต้องเอาตะกร้อมือคนตลอดนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวแป้งเป็นเม็ด
5) เข้าไมโครเวฟต่อ ส่วนผสมจะข้นขึ้นมาอีก อันนี้อย่างน้อยต้องเช็คทุกๆ 1 นาทีนะคะ เพราะมันจะข้นเร็วมาก จนข้นได้ที่ก็หยุด

ตามรูปนี่ยังข้นน้อยไปนิดนะคะ เห็นรอยตะกร้อแล้วอย่าเพิ่งหยุด กวนให้ข้นขึ้นอีกนิดนึง



เค้กกล้วยหอม






พอดีที่บ้านมีกล้วยหอมเหลือมาจากตอนเชงเม้งเก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ เคยเข้าไปดูในบล๊อกของพี่จุ๋ม มีสูตรของ คุณ BeeBie เค้กกล้วยหอมชื่อดังแห่งพันทิพย์ พี่จุ๋มบอกวิธีทำไว้ละเอียดเลย

ตามในบล๊อกของพี่จุ๋มลงสูตรไว้
ส่วนผสม
แป้งเค้ก 200 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 180 กรัม
กล้วยหอมสุกบด 200 กรัม อันนี้ประมาณสองลูกครึ่ง
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา วันนี้ไม่มีมะนาวก็เลยใส่น้าส้มสายชูแทน
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา อันนี้เพิ่มเองค่ะ

วิธีทำก็ตามแนวทางพี่จุ๋ม
1) บดกล้วยก่อน แล้วก็ใส่น้าส้มสายชูลงไป วันนี้เอาใส่ถุงพลาสติก บดๆเอา
2) ใส่ไข่ กับน้าตาลแล้วก็เกลือลงไป ตีความเร็วสูงสุดนาน 8 นาที ตีเสร็จมันจะข้นๆขาวๆหน่อยๆ เหมือนครีมส่วนผสมไม่ค่อยฟู เพราะว่าน้าตาลเยอะ
3) ร่อนแป้งกับผงฟูและเบกกิ้งโซดารวมกัน ใส่ลงไปในโถผสมทีเดียวเลย ตีความเร็วต่า 1 นาที
4) ใส่น้ามันพืชลงไปทีเดียวเลย ตีความเรวกลาง 2 นาที
5) ใส่กล้วยบดลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีความเร็วต่า 1 นาที จนส่วนผสมเข้ากันดี
6) เทใส่พิมพ์มัฟฟิน ที่รองด้วยพิมพ์กระดาษ วันนี้เท batter ใส่เหยือกแล้วค่อยหยอดลงไปในพิมพ์ อย่างนี้สะดวกแล้วก็เร็วดีค่ะ ตามสูตรนี้ทำได้ 12 ลูก (ใหญ่ๆ) พอดี





วันนี้ใช้พิมพ์มัฟฟิน ใส่ batter เกือบเต็มพิมพ์เลย อบไฟ 200c ใช้ตะแกรงบน อบไปประมาณ17 นาที สีสวยแล้ว เอาไม้จิ้มดูก็ไม่มีอะไรติดออกมาเลยเอาออกมาจากเตา อบออกมาสวยมากๆค่ะ ใช้เวลาอบเท่าพี่จุ๋มเลย พี่จุ๋มบอกว่าตามสูตรให้อบ 20-25 นาที จริงๆชอบสูตรนี้มากกว่าทุกสูตรที่เคยทำมาเพราะว่าเนื่อมันนุ่มดีอ่ะ แล้วก็สวยมากๆ แต่พอดีไปใส่พิมพ์มัฟฟิน ลูกมันโตมากๆ สวยนะแต่เวลากินมันใหญ่เกิน ส่วนของเปลือกกับเนื้อมันไม่สมดุลย์กัน ไว้คราวหน้าจะใช้พิมพ์เล็กกว่านี้หน่อย อีกอย่างรู้สึกว่ามันมันเกิน ตามสูตรน้ามันค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีกลิ่นน้ามันหน่อยๆ ไว้คราวหน้าทำจะลดน้ามันลงให้เหลือครึ่งถ้วยพอค่ะ